Friday, August 15, 2008

ตอนที่ 5

ดีใจจังเลยที่มีคนอ่านของเรา คนนึงก็ถือว่า "มี" เนอะ
เขียนอ่าน กันแค่สองคนนี่แหละ กุ๊กกิ๊กดี

เริ่มเร็วละกันวันนี้

เย่ ได้กินข้าวเที่ยงแล้ว!
ขนาด Lunch ของคนอเมริกันก็จะใหญ่กว่า Breakfast ขึ้นมานิดนึง แต่ก็ยังมีขนาดปริมาณเล็กกว่า Dinner
ในโรงอาหาร ก็จะมีอาหารหลากลายให้กินกัน
จะมีอาหารจานพิเศษ ที่เค้าจะทำมาให้ เปลี่ยนไปแต่ละวัน
มีโซนของพิซซ่า มี โซนของผักหลายๆชนิด และน้ำสลัดให้เราทำสลัดกัน เรียกว่า salad bar
บางที่เค้าอาจจะทำ อาหารที่คล้ายๆกับพวกของผัดๆบ้านเรา
ที่เค้าจะเอาเนื้อสัตว์ มาผัดรวมๆกับผัก แล้วก็ใส่ซอสลงไปเรียกว่า stir fry
แล้วก็จะมีโซนน้ำดื่มหลากหลายชนิดบริการให้ มีโซนนมด้วย

คนที่นี่จะเรื่องมากเรื่องอาหารการกินมาก คือคุณๆทั้งหลายจะกลัวอ้วน
แต่ยิ่งกลัวยิ่งอ้วนกันเป็นแถว
เวลาสั่งอาหารอะไรที่ต้องใส่นม ต้องบอกเค้าด้วยว่าเอานมแบบไหน
นมที่มีไขมันต่ำกว่า 0.5% เค้าจะเรียกว่า "skim milk"
มากขึ้นมาอีกนิด ถ้ามีไขมัน 1% เค้าจะเรียกว่า "1% milk" (เรียกง่ายดีเนอะ ตรงดี)
ถ้ามีไขมัน 2% เค้าจะเรียกว่า "2% milk"
ถ้าใครไม่กลัวอ้วน อยากได้สารอาหารจากนม ครบจากเต้า ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ก็บอกเค้าไปเลยว่า "Whole Milk" เพ่

พูดถึงเรื่องนมทีไร ยังอดเจ็บใจไม่หาย
ตอนเด็กๆจะได้รับฉายาว่า "นักดื่มนมวัว" เพราะชอบดื่มนมมาก ดื่มวันละแปดถุงแน่ะ (นมโรงเรียนที่ให้เด็กๆกินน่ะ นึกออกป่ะ)
แต่มาบัดดลนี้ ท้องของข้าพเจ้า (จริงๆต้องลำไส้เล็กดิ เนอะ) ไม่สามารถย่อยนมได้แล้ว
คือ กินทีไรต้อง จู๊ดๆๆๆๆ ออกมาทุกที แล้วได้กลิ่นนม อย่างชัดเจน .... แหวะ
ถ้าใครมีอาการแบบนี้อยู่เหมือนกัน เค้ามีศัพท์เฉพาะจัดให้ครับ
ทีนี้ก็ไม่ต้องไปบอกว่า "When I drink milk, I will จู๊ดๆๆๆ " อีกต่อไป
เวลามีคนถามว่าจะกินนมมั้ย แล้วดันกินไมได้ ท้องไม่รับ ก็แค่ตอบว่า
"No, thanks. I'm lactose intolerant"
เค้าก็รู้แล้วล่ะครับว่า เราแพ้นม
เคยแอบคิดน้อยใจในวาสนาตัวเองอยู่เหมือนกัน
เพราะนมแสนจะดี มีโปรตีนเยอะ แคลเซี่ยมสูง ถูกด้วย
แต่ดันกินไม่ได้ เหมือนไก่ได้พลอย
แต่วันก่อนไปค้นๆใน wikipedia ดู
เค้าบอกว่า "99% ของคนไทยเป็น lactose intolerant!"
ก็เลยทำใจกันไปตามๆกัน

ท้องอิ่มแล้ว จู๊ดๆแล้ว ก็กลับไปเรียนกันเถอะเนอะ

คลาสต่อไปเป็นคลาส Reading
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า การอ่าน
ก็ อ่านๆๆ อ่านกันเข้าไป
มีคุณครูอันแสนจะใจดีๆๆ มากๆ นามว่า Mary
พวกเราพอหนังท้องตึง หนังตาหย่อน ก็พากันเข้าห้วงแห่งภวังค์ (สะกดไง บอกด้วย)
ไปๆมาๆ เหลือป้าแกยืนอ่านอยู่คนเดียวทุกที
ป้าแกใจดีๆมาก ผมเป็นลูกรักป้าแกเลย
ไหนๆก็ไหนแล้ว ขอนินทาคุณแม่น่อยละกัน
มีอยู่วันนึงผมไปหาป้าแกที่ออฟฟิซ
พอเดินเข้าไปป้าแกบแกว่า "หยุดนะ อย่าขยับ" (Stand right there, don't move!)
เราก็ตกใจ นึกในใจว่าจะโดนสังหาร เหมือนหนังฆาตกรรมป่าววะ
มองไปด้านล่าง ถึงได้ถึงบางอ้อว่า ห้องป้าแกรกมาก
เครื่องเขียน หนังสือ วางบนพื้นเต็มไปหมด
ถึงว่า เราถึงกลายเป็นลูกรัก ไปโดยปริยาย


คลาสสุดท้าย ก่อนบ่ายคลายเครียด (หรือยิ่งเครียดก็ไม่รู้)
คือคลาส Culture
คือจะเรียนเรื่องวัฒนธรรมอเมริกันที่แตกต่างจากวัฒนธรรมไทย
คลาสนี้สอนโดย ป ูโร้ค นั่นเอง
ใครไปสาย โดน!
ไม่ทำการบ้าน โดน!
เด็กๆเลย เกร็งๆกลัวๆ ตั้งใจเป็นพิเศษ
บทเรียนแรกที่เค้าสอนคือ คนอเมริกันจะเป็นคนที่ถือเรื่องความซื่อสัตย์เป็นหลัก
เวลาพูดต้องจ้องตา จ้องตา จ้องตา
ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องกลัวจะท้อง
ตอนแรกก็ เก้ๆกังๆ คะๆเขินๆ อยู่เหมือนกัน
แต่ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินไปเอง
คนอเมริกันเค้าไม่ถือว่าหาเรื่องหรอกครับ ถ้าจ้องตาเค้า
แต่ถ้าไม่จ้อง เค้าถือว่า ไม่จริงใจ มีอะไรในกอไผ่อยู่

พูดถึงเรื่องไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่พูดถึงน้องกบสุดสวย ก็ชักจะกระไรอยู่
คือ รูมเมตน้องกบ มักจะมาเผาให้ชาวบ้านฟังเสมอว่า
น้องกบ แอบคุยโทรศัพท์ หวานแหวนกับนายลูกชิ้นปลาเป็นประจำ
แล้ววันนึง ก็รู้ไปถึงทีเอฝรั่ง
แล้วหนูกบเค้าก็เขิน ตามประสาหญิงไทยใจงาม
เธอจึงบอกไปว่า "Between ลูกชิ้นปลา and I, there's nothing in the bamboo."
ฝรั่งก็งงใหญ่ ว่าไอ้สองคนนี้แอบไปทำอะไรกันในสวนไผ่รึปล่าว
คือ ฝรั่งเค้าไม่มีสำนวนนี้กันอะครับ

อย่างที่สองจากบทเรียนแรก คือ เวลาจับมือ ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย
ไม่ถึงขนาดน้าาน
แต่ว่าเวลาเรารู้จักกับใครเป็นครั้งแรก
ก็จะพูดกันว่า "Nice to meet you." พร้อมยื่นมือไปให้
คนที่โดนตัดหน้า โดนแย่งพูดไปก่อนก็จะพูดว่า "Nice to meet you too." พร้อมยื่นมือไปจับ
(จับมือที่เค้ายื่นมาให้ เพ่ ไม่ใช่จับอย่างอื่น)
แล้วก็จับกันให้แน่นเลยนะ ไม่ต้องกลัวถูกแต๊ะอั๋ง ฝรั่งเค้ายอมมาจับกับพวกเราก็บุญแล้ว
แล้วก็เขย่าแล้วโยก เขย่าแล้วโยก ซักสองสามทีพอเป็นพิธี
พร้อมทั้งจ้องตา แล้วก็ห้ามเขินเด็ดขาด เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามีใจ
(เดี๋ยวจะเป็นเหมือนคดีมิกอีก)

เรียนเสร็จหนึ่งวัน ยังไม่หมดแค่นี้ครับ ยังมีอีกเยอะ
โรงเรียนที่นี่เค้าจะเป็นแบบนี้ล่ะครับ เหมือนเรียนครึ่งวันก็จริง แต่เค้าจะมี กิจกรรม เยอะแยะมากมาย
กิจกรรมต่อไปที่ต้องทำคือ Discussion Group
เค้าจะแบ่งหลุ่มใหม่ คละจากทุกห้องปนๆกันหมด
นำทีมโดย ทีเอฝรั่งสองคน ของแต่ละกลุ่ม
แต่ละวันก็จะมีหัวข้อเรื่องโน้น เรื่องนี้ พูดกัน ถกกัน
แล้วก็จะมีการบ้านเล็กๆน้อยๆให้ทำ
เช่น แต่ละวันไปหามาว่า สำนวนนี้ แปลว่าอะไร พร้อมทั้งการใช้งาน
กลุ่มไหนเก็บคะแนนได้เยอะสุดก็ จะได้รับรางวัล มาม่า อะไรทำนองนี้

พอเสร็จจาก Discussion Group เค้าก็จะให้พักไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวไปเล่นกีฬา
เค้าเรียกว่า Recreation พวกเราเรียกสั้นๆว่า เล่น Rec
กีฬาที่นี่ก็จะมีมากมายหลายประเภท มากกว่ากีฬาเมืองไทยเยอะ ทั้งกลางแจ้ง ในร่ม และก็บนเตียง
(พวก sit up ไง อย่าคิดไกล)
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า กลางแจ้งที่นี่จะแจ้งมาก
คือ แดดแผดเผามาก ร้อนได้ใจ เหมือนบ่ายโมงหน้าร้อนไทยยังไงยังงั้น
แต่ที่นี่เค้าไม่ค่อยมีเมฆนะ อย่าลืม

Recreation นี่ เป็นมารหัวใจของสาวๆทั่วไป
ทุกคนจะทากันแดดกันหนาประมาณหนึ่งนิ้ว
ผมทาไปวันแรก แล้วก็เริ่มขี้เกียจ ก็เลยปล่อยตามบุญตามกรรม ตามมีตามเกิดละกัน
สองเดือนผ่านไป ต้องปิดไฟเวลาดูกระจก เพราะรับสภาพไม่ได้กับสีผิวตัวเอง
เพิ่งกลับไปดูรูปถ่ายรวม ที่ถ่ายไว้เมื่อสามปีที่แล้ว มา
ตอนแรกคิดว่า แสงจากกล้องไม่ถึง
เพราะเห็น เมี่ยมๆ กันหมด
แต่ดูไปดูมา ทุกกล้องก็เป็นแบบนี้ เอ๊ะ ยังไงกัน
แต่ละคนก็จะมีฉายาความดำกัน
อย่างเช่นน้องด้วงของเรา หนุ่มหน้าใสไร้สิวจากภาคอีสาน
ได้ฉายาว่า "ปลาแดกแดดเดียว" ไปเป็นนามแฝง


อ้าวพร้อมกันรึยัง ให้เวลาอีกนิดนึง เดี๋ยวไปเล่น Rec กัน เหงื่อสาด + เลือดสาด + ด่ากัน ไอ้ส_ดดดดด แน่


Collide - Howie day

9 comments:

Anonymous said...

เฮ่ยๆ ระวังหน่อย ภาษาเริ่ม ติดเรท แล้วแก
จำได้ว่า Mary เขาจะมีท่าเฉพาะของเขานี่ ที่แบมือขึ้นมาแล้วก็พลิกๆ น่ะ ฮ่าๆ เหมือนเคยมีใครเลียนแบบ

Art said...

โห เค้าจำได้ทุกรายละเอียดจริงๆ อ่ะ ฮ่าๆ
เอาอีกคับๆ

Anonymous said...

ตามมาอ่านด้วยคนนะคะ
ไม่เคยไปอ่านที่พันทิป
อ่านที่นี่ก็ดีเหมือนกัน คนน้อยดี
(เอ๊ะ ยังไง)

แล้วจะตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ

Unknown said...

เฮ้ พี่จอมนี่แอบติดเรทเยอะเหมือนกันเนอะ ระวังเด็กมาอ่านนะ!!!
แต่ว่าอยากอ่านต่อค่ะ
อยากให้ถึงตอนที่มาอยู่บราวน์ซะที
แต่เขียนยาวแบบนี้ ก่อนเปิืดเทอมหน้าจะถึงมั้ยเนี่ย
....
สู้ๆนะคะ

Anonymous said...

อิอิ

ชอบอ่ะ

ไม่มีอารายในกอไผ่

อ่านเเล้วขำ

555


คิดถึงจร้า

nrugkhapan said...

แต่ก่อนก็เคยเป็น lactose intolerant เหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็หายแร้วอ่ะ

Unknown said...

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ไม่ว่ากันนะ
เข้าใจแล้วว่าทำไม อยู่ดีๆจอมก็จะมาขอเพลงเก่าๆ

Unknown said...

พี่จอม ตอนที่ 6 เมื่อไหร่จะออกคะ
ดูจากสถิติเนี่ยะ ควรจะออกได้แล้วนะ
เพราะตอนที่ 1 ห่างจากตอน 2 เพียง 3 วัน
2 กับ 3 ก็ 4 วัน
3 กับ 4 ก็ 5 วัน
แล้วนี่ห่างจากตอนที่ 5 ตั้งเกือบ 7 วันแล้วทำไมยังไม่ออกฮะ
เอาล่ะ ไปล่ะ แค่มากระตุ้นต่อมอยากเขียนให้ :)

Anonymous said...

5555 แวะมาให้กำลังใจในฐานะหนึ่งในผู้ยุยง เอารูปมาลงด้วยสิจอม ^_^