Saturday, July 26, 2008

ทักทายกันก่อนนะครับ

เฮ่ออออ..... กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีเคาะแป้นอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เขียนอะไรมานานครบสองปีแล้ว
ทั้งๆที่ทางบ้านคอยดันให้เขียนอะไรเก็บไว้บ้าง (กะไว้แอบอ่าน ชัวร์...รู้ทัน)
พี่สาวก็เป็นนักเขียนไดอารี่ออนไลน์ เล่าบรรยายชีวิตการเป็นหมอ
เคยแอบเข้าไปด้อมๆมองๆ ก็เห็นคนมาให้กำลังใจเยอะดี
แต่พ่อกับแม่เข้าไปอ่าน วันละสามครั้งหลังอาหาร และก่อนนอน
(อันนี้ไม่ได้เวอร์ ของจริง... เลยไม่อยากเขียนเรื่องตัวเอง ฮาๆ)

เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับความทรงจำของมนุษย์เรา
เค้าบอกว่าถ้าไม่อยากให้เป็นโรคความจำเสื่อมตอนแก่ ให้หมั่นนึกถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีตเข้าไว้ ประวัติตอนยิ่งเด็กได้ยิ่งดี



วันก่อนว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็แอบไขกุญแจ เข้าไปอ่านสเปซตัวเอง ที่เขียนไว้สองปีที่แล้ว
ภาพต่างๆถ้อยคำต่างๆ ไหลพรูมาหยิ่งกะน้ำบ่าไหลหลากยังไงยังงั้น
ก็เลยมาคิดว่า จริงๆเขียนเก็บไว้ก็ดีนะ จะได้จำได้ว่าตอนนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง เรียนรู้อะไรมาบ้าง โตขึ้นบ้างรึปล่าว (อันนี้ความคิดนะ.. ไม่ใช่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง...อันนั้นน่ะ โตมานานแล้ว)
และบางทีพอถึงวัยทอง อาจจะได้เล่าเรื่องแบบนี้ให้ลูกหลานฟังก็ได้

ตอนแรกคิดว่าจะเขียนเก็บไว้คนเดียวแล้ว แบบเขียนเอง อ่านเอง ขำเอง ร้องไห้เอง อะไรประมาณนั้น (แต่ไม่อยากโดนหาว่า บ้า...คนเรามักไม่ยอมรับความจริง)
ตอนต้นซัมเมอร์นี้ไม่มีอะไรทำ เลยลองดู youtube สุ่มๆดู
ไปเจอรายการที่พี่แอร์กี่ เจ้าของบทประพันธ์งานเขียน ที่ถูกไปดัดแปลงเป็น ละครสงครามนางฟ้า
เค้ามาสัมภาษณ์รายการจับเข่าคุยกัน กับกลุ่มคนผู้เสียหาย ... แรงมาก แต่ไม่ตกใจครับ เพราะชีวิตจริงก็เคยเจออะไรแรงๆ มาเหมือนกัน (รายละเอียด เก็บไว้ทีหลัง ไม่อยากชักใบให้เรือเสีย)
ก็เลยลองเสริ์ชหาดู ใช้ keyword ว่า "แอร์กี่" ขึ้นมาเลยครับที่ต้องการ



"ชีวิตรันทด ,,, เรื่องจริงผ่านคอม" โด่งดังมากในเว็บพันทิพย์
ภาษาที่เค้าเขียน ไม่เหมือนกับนักเขียนที่เคยอ่านมาเลย
เหมือนเพื่อนเม้าท์กันมากกว่า
แต่อ่านไปอ่านมา วิธีการเขียนแบบนี้ดูเป็นพลังดีครับ
เหมือนฟังเพื่อนเล่า อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่เกร็ง และก็อยากรู้ต่อด้วย

ชอบตั้งแต่บทแรกเลยครับ ไม่ได้ชอบที่เค้าตบตีกันนะ อย่าตุ๊ต๊ะไป
แต่เค้าเล่าชีวิตเค้าไปด้วย เล่าเรื่องอาชีพบนฟ้าไปด้วย น่าสนใจดีครับ
สามสี่ปีนี้ที่มาเรียนที่อเมริกา เราก็ใช้บริการบนฟ้าบ่อย
แต่ไม่เคยยักกะรู้กลไกภายใน อะไรทำนองนั้น
แต่ก็พอนึกภาพออกครับ
ขนาดเราคุ้นเคยระดับนึง ยังตื่นเต้นตามได้ขนาดนี้
แล้วสำหรับคนที่ไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน คงจะตาตั้งน่าดู
ทั้งที่คนที่เป็นแอร์เป็นกับตัน อาจจะคิดว่า เป็นเรื่องซ้ำซาก ไม่เห็นมีไรน่าตื่นเต้นเลยก็เป็นได้


เลยฉุกคิดขึ้นมาครับ
ว่าเรามาอยู่ที่นี่ ไกลบ้านมาขนาดนี้ ถึงสามปี ตอนนี้ก็ชินเกือบหมดทุกอย่างแล้ว
ชินกับสี่ฤดู ที่ร้อนจะละลาย และก็หนาวได้จับใจ
ชินกับการไปปาร์ตี้แล้วก็ต้อง ไปปั้นหน้าคุยเหมือนรู้จักกันมาสิบปี กับคนที่เรารู้จักเป็นครั้งแรก (แต่ก็แอบหนุกนะ ขอบอก)
ชินกับการที่ฝรั่งในบ้าน ปิดประตูห้องหนีหมด แล้วมีการแอบแช่ง เวลาแอบทำไข่เจียวชะอม กับคะน้าปลาเค็มในครัว แล้วลืมเปิดที่ดูดควัน
ชินกับการที่ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็พูดแล้วไม่มีใครเข้าใจ
(ไมได้แย่ขนาดน้านนนน อยู่รอดมาสามปีแล้ว พูดไม่ได้ฟังไม่ได้ให้มันรู้ไป ขนาดพวกขายตัวให้ฝรั่งยังทำได้เลย
เราก็มีมือมีปากนะ ... เอ๊ะ เอาไปทำอะไรหว่า)
ชินเยอะแยะต่างๆมากมาย จนกลายเป็นรู้สึกว่า ชีวิตเราก็ธรรมดา น่าเบื่อไปวันๆ
เลยลืมนึกไปเลยว่า คนอีกซีกโลกนึงที่ไม่เคยได้มีโอกาสมาสัมผัสอะไรแบบนี้ คงแอบอย่างรู้เรื่องราวซ้ำๆของคนที่นี่เหมือนกัน

ขอนอกเรื่องนิด ... ใครรักใครก็รีบๆบอกรักไปเสียนะครับ เราอาจคิดว่าคำๆเดียว ไม่สำคัญไรมากมั้ง
แต่ไม่แน่นะ ใครบางคนอาจแอบลุ้นตัวโก่งตัวงออยู่ก็ได้
บางคนเถียง ... ไม่เชื่อ
อย่างน้อยก็ลองถามคนที่บ้านดูดิ ว่าท่านอยากได้ยินเราพูดหรือปล่าว
(ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาเพลงป้าช่ามาเปิดคลอไปด้วยเลยละกัน)


เคยถูกเชิญ (หรือ เสนอตัววะ จำไม่ได้) จากโรงเรียนสมัย ม.ต้น ไปบรรยายให้เด็กๆฟัง ตอนซัมเมอร์ที่แล้ว
เราก็จิ๊กรูปจาก facebook (คล้ายๆ Hi5 ของไทยครับ แต่เมกาเค้านิยม facebook กัน) ไปลง ลง ลง Power Point
น้องๆนั่งดูตาแป๋ว ตาโปนเลย แบบว่าตื่นเต้นมาก แล้วแอบได้ Feedback กลับมาจากทางโรงเรียนว่า เป็นแรงบรรดาลใจให้น้องๆพวกนั้นมาก
(ที่จะขายบริการให้ฝรั่ง... เฮ้ย ไม่ใช่........... ที่จะสอบชิงทุนมาเรียนเมืองนอก)

ตอนนี้มาอยู่จนลืมไปแล้วว่า ตอนเรายังเป็นเด็กบ้านนอกที่ไม่เคยแม้จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศ จะแอบฝันถึงการมาเรียนเมืองนอกรึปล่าวน้า
เห็นมั้ย... โทษของการไม่เขียนอะไรเก็บไว้



อีกเรื่องนึง กลับบ้านทีไรนะ เวลาไปเยี่ยมญาติ หรือคนรู้จัก ต้องแอบขนน้ำดื่มแอบบไว้กระโปรงรถ แบบกระป๋องยี่สิบลิตร ประมาณนั้น
บ้านญาติก็จะอยู่ไม่ไกลกันมาก กว่าจะเดินจากปากซอยถึงท้ายซอย ก็ตอบคำถามเดิมเด๊ะๆ ประมาณสิบรอบ
คอแห้ง เป็นทะเลทรายไปเลย
นี่ถ้ารู้ก่อนนะ จะเอาเครื่องอัดเสียงไปแทน กระป๋องน้ำ ประหยัดน้ำมันรถไปเยอะ ช่วยชาติ
นี่ถ้ากลับบ้านอีกรอบนะ จะปริ้นต์บล็อกนี้ไปแจกเหมือนกับ แจกการ์ดแต่งงานเลย
(จริงๆก็อยากแจกการ์ดแต่งงานมากกว่า อะนะ แต่ว่ามีชื่อบนการ์ดคนเดียวก็กระไรอยู่.. ใครอยากร่มลงชื่อ ก็บอกกันได้เด้อ...ไม่เกี่ยง)

โอ๊ยยย พล่ามอีกแล้ว ตั้งใจว่าจะเขียนแค่ สามบรรทัดนะเนี่ย
จริงๆอยากเขียนหลายแบบมาก ตอนแรกคิดว่าจะเขียนภาษาไทย ภาษาอังกฤษดี
ได้ข้อสรุปว่าเป็นไบละกัน ....เฮ้ย ไม่ใช่..... biligual
ก็บล็อกนึงเป็นภาษาไทย อีกบล็อกนึงก็เป็นภาษาอังกฤษ เนื้อหาอาจจะคล้ายๆกัน
ก็เอาแบบให้คนอ่านเข้าใจอะ
ถ้าขืนแปลตรงตัวเนี่ย "แอร์กี่นักเขียนสงครามนางฟ้า มาสัมภาษณ์รายการจับเข่าคุยกัน ...แรงมาก"
นี่คงต้องมานั่งอธิบายเรื่องคำผวน (แอร์กี่) จนถึงต้องนิยามคำว่าแรง ให้ฝรั่งฟัง
แล้วมันก็ต้องมาถามอีกว่า ทำไมคุยกันต้องจับเข่าด้วย โอ๊ยยยย สามร้อยหน้าก็ไม่ได้หลับได้นอนกัน



แล้วบล็อกภาษาไทยก็คิดไว้ว่าจะทำสองบล็อก
บล็อกแรกก็อันนี้แหละ เน้นลูกค้าทุกเพศทุกวัย เด็ก ป. หนึ่งก็อ่านได้ (ถ้าอ่านออกนะ วงเล็บ)
และก็หวังว่า ผู้อ่านทุกคน คงอยากจะช่วยกันทำให้เป็นบล็อกที่สร้างสรรค์นะครับ
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นที่ดีๆ ใช้คำสุภาพ
เรื่องดีๆ มาแบ่งปันกันนะครับ

ส่วนใครทนไม่ไหว อยากด่า อยากวีน
หรือใครที่ชอบทานเผ็ด ของร้อน ต้มยำน้ำข้น
มีอีกบล็อกจัดให้ครับ
อีกด้านนึงของชีวิต ก็มีเรื่องร้ายๆแรงๆ ดราม่าให้เผชิญครับ
ทั้งกับตัวเองบ้าง ทั้งกับคนอื่นบ้าง
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็เลยอยากที่จะเล่าสู่กันฟังไว้เป็นอุทาหรณ์
แต่ก็ถูกดัดแปลงไปเยอะครับ ทั้งชื่อตัวละคร, ฉาก, เวลา
แต่วีกรรมที่เกิดขึ้น บอกได้จริงหมด
ทีแรกก็อยากเล่าแบบเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เอาแบบฉายวีดีโอย้อนระลึกให้ฟังเลย
แต่เราก็ยังต้องอยู่บนโลกซีกนี้กับเค้าๆ
และก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนด้วย เดี๋ยวจะซวยเหมือนพี่แอร์กี่
ก็เลยขอประกาศไว้เลยว่า เป็นนิยาย อย่าไปสืบหาตัวจริงให้เสียเวลา
เพราะเดาไม่ถูกหรอก แล้วก็เสียเวลาทำมาหากินด้วย
โอ๊ย....เสียฤกษ์วางพวงมาลาบล็อกใหม่หมด
บล็อกที่ว่านั่นใกล้คลอดแล้ว เดี๋ยวมาโฆษณาที่นี่ครับ

เพื่อนคนนึงรู้เห็นเป็นใจกับการเขียนบล็อกนั้น
มันไปเห็นรูปเราตอนทำโปรเจคตอนเรียนญี่ปุ่น
มันก็มาทักว่า "เห็นแต่ไกล คิดว่าเป็นแอร์กี่ซะอีก"
แต่เริ่มมีลางสังหรณ์ว่า บล็อกนั้น ถ้าเขียนไปเขียนมา อาจจะลงไปนอนในโลงแอร์ได้แทนที่จะเป็นแอร์กี่
(แต่จริงๆแล้ว เคยโดนกดหัวลงพุ่มไม้ไปแล้ว ค่อยมาเล่าให้ฟังวันหลังนะ)
ก็เลย เอาบล็อกนี้มาเป็นผลงานก่อนละกัน
เผื่อเป็นอะไรไป


ก่อนตัดพวกมาลา วางศิลาฤกษ์
มาตกลงกันก่อน
บล็อกนี้ให้ทุกคนบนโลกนี้อ่านได้ครับ บอกต่อได้ไม่ว่า อยากได้ความเห็นเยอะๆครับ
แล้วก็คอมเมนต์ได้ทุกคนไม่มีปัญหา
แต่เวลาคอมเมนต์มันจะให้เรากรอกรหัส ตามที่เราเห็น
อันนี้รักกันจริงก็อย่าท้อนะครับ เพราะว่ามันเป็นการป้องกัน
ให้พวกที่เขียนโปรแกรมไว้ แล้วมาลงโฆษณา
บางทีถึงขายบริการก็มี มาโพสต์อัตโนมัติ แบบร้อยโพสต์ต่อวัน
อันนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นครับ เละแน่
แต่ก็ไม่อยากให้ยุ่งยากถึงกับต้องมี account อะไรมากมายให้เป็นพิธีรีตรอง
แต่คอมเมนต์ไว้แล้วไม่ขึ้นมาทันทีอย่าเพิ่งตกใจนะครับ
ถ้าไม่รุนแรงจนเกินไป มันก็โผล่มาต่อสายตาประชาชนวันเช้าวันพรุ่งเองล่ะครับ
ไม่ต้องห่วง

ขนาดเกริ่นนำนะเนี่ย ยาวซะขนาดนี้
เก็บกดมาจากไหนกันนักหนานะเรา
คราวหน้าจะเอาอะไรที่มีสาระ น่ารู้มาฝากซักทีครับ
เอาเป็นว่า อาจจะเป็นเรื่องที่เรามาเหยียบที่นี่ครั้งแรก เมื่อสามปีก่อน
มันส์หยดแน่ น้ำตาก็อาจจะหยดด้วย

ตอนนี้ยังไม่รู้หรอกครับว่า คิดถูกหรือปล่าวที่มาโพสต์
หรือเก็บไว้คนเดียวดี
ยังไงๆก็มาทักทาย ลงชื่อไว้บ้างก็ดี

คอยเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ให้คนที่อยู่บนโลกไกลบ้าน ได้มีแรงเดินต่อไป

19 comments:

Anonymous said...

เห้




คิดถึงนะเนี่ย
อ่านแล้วว


เหงาว่ะ

Anonymous said...

วันแรกก็เขียนดีกว่าฉันอีกนะแก
แต่แหม..แอบมีพาดพิงนะ

ว่าแต่ว่าระวังโดนแอบอ่านสามเวลาหลังอาหารและก่อนอนล่ะ คริคริ

ปล. ไม่เคยคิดอยากไปอยู่เมืองนอกเลยอ่ะ เป้นคนไม่สู้ เลยไม่ชอบชีวิตต้องสู้ แล้วก็เป็นคนขี้เหงามากๆ ไปอยู่แบบนั้นคงเหงาตายก่อนเรียนจบ

Anonymous said...

ผ่านไปสองปี

จอมยังเว่อได้เหมือนเดิม ฮ่าๆๆ

แต่เขียนดี

คนไม่มาคงไม่รู้หรอกเนอะ

คำว่าเมืองนอกเป็นไง

ขอให้มีคนมาอ่านเยอะๆน้าจ๊ะ

Chanesd said...

ขอส่งแรงใจให้เสมอครับ

อีกหน่อยคงจะเป็น... คนไกลโลก กระมัง

อย่าลืมกลับมาช่วยโรงเรียน และอย่าเพิ่งทิ้งประเทศไทยไปล่ะ (แม้ว่ามันจะมีปัญหาเยอะแยะมากมายก็ตาม)

...กล้าเองครับ

Chanesd said...

ขอส่งแรงใจให้จอมเพื่อนยากเสมอนะครับ

อีกหน่อยคงจะเป็น "คนไกลโลก"

ฮ่าๆ

หมายถึงนำพาประเทศให้ก้าวไกลเหนือโลกไงครับ

ดูท่าแล้วคงสบายดีมาก ก็ดีใจนะ

อย่าลืมประเทศไทยล่ะ แม้ว่าปัญหาจะมากมายก็ตาม ประเทศชาติต้องการนายอยู่

...กล้าเองครับ

Anonymous said...

จอม ตกลงเรื่ื่ื่องความรักของแกไปถึงไหนแล้ว ฮ่าๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะจ้า

Art said...

เออ เขียนได้ยาวจริงๆ ด้วยอ่ะจอม ฮ่าๆ
จริงๆ เราก็อยากเขียนเหมือนกันนะ
เขียนบล๊อกครั้งสุดท้ายตอนนู่นนน... ปีหนึ่ง เหอๆ
เดี๋ยวไว้จะเขียนมั่งๆ
ขอบคุณมา ณ ที่นี้ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราเขียนนะคับ

Unknown said...

stop slacking

Anonymous said...

โย่วๆ ไม่รู้จะ comment อะไร แค่นี้ละกัน บ๊ายบาย

Anonymous said...

good job jom, although i agree with phin pheng's comment (jk jk)

Anonymous said...

Sunny (or Lanna)????
:lol
have a great time in the US, guys! (btw, I'm going to เสม็ด this weekend w/ ts46 :D)
oh, and good job na' ja' kee' pla'...eiei

Anonymous said...

หวัดดีค่ะพี่จอม

เค้าบอกว่าคนแก่ชอบเล่าเรื่องในอดีตอ่ะ...อิอิ

ไม่ได้คุยกับพี่จอมตั้งนาน

สบายดีนะ...

ตอนนี้พี่อยู่ไหนอ่ะ..เมกาหรือว่าไทย

ไม่รู้จาเขียนไรแล้วอ่ะ..บ๊ายบายนะคะ

Anonymous said...

อิอิ

คิดถึงมากมายเรยยน้องรัก


เปงไงมั้ง


ดีดี


จาได้เข้ามาอ่านบ่อยๆๆๆๆนะ


บายยยยย

Anonymous said...

จอมมมม..

ปูนนะ..ยังจำได้ป่ะว่ะ

แอบเข้ามาอ่าน...

แร้วจามาเยี่ยมเรื่อยๆนะจ้ะ

บะบาย

Anonymous said...

555


อ่านไปขำไป


นี่เเหละสมกะเปงจอมจิงๆๆๆ


คิดถึงนะ

Panupong Pasupat said...

หวัดดีครับพี่จอม นี่กะพงนะ

เปิดมาเจอเลยขออ่านแล้วกันนะครับ (กำลังจะอ่าน...)

Bookmark ไว้แล้วฮะ เขียนเยอะๆ นะครับ

แล้วก้อ ขอให้พี่มีความสุขครับ
ถ้ามีโอกาสอาจได้เจอกันฮะ

Unn-ξεδ said...

ถึงแม้ว่าจอมจะดูเป็นคนติงต๊อง ตลกๆ บ๊องๆ แต่ว่างานเขียนเจ๋งใช้ได้เลยนะเนี่ย :D

เราก็เคยเขียนบล๊อกใน Windows Live Space อยู่พักนึง แต่ว่ามาหลังๆนี้ เรารู้สึกว่า เราเขียนเป็นแต่อะไรที่หดหู่ไปหน่อย แรกๆก็นึกว่าเป็นที่ศักยภาพการเขียนตัวเองไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ก็เลยพยายามจะปรับๆ อะไรนิดหน่อย แต่ว่ามีอยู่วันนึง มีอารมณ์ย้อนกลับไปดูบทความเก่าๆที่เขียนไว้ซัมเมอร์ที่แล้วตอนไปบรูสเตอร์ ก็เลยทำให้เราว่า ความจริง มันเป็นที่ข้างในมันหดหู่มากกว่า เพราะว่าบทความนั้น ดูเป็นบทความที่เรารู้สึกว่า เรามีความสุขกับชีวิตจริงๆ ไม่รู้ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไปไหนหมด

แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อล่ะ ว่าช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เราก็เคยมีความสุขได้มากมายขนาดนั้นเหมือนกัน เราว่าอาจจะจริงอย่างที่แกพูดก็ได้นะ ว่าถ้าไม่อยากเป็นโรคความจำเสื่อมในอนาคต ให้หมั่นคิดถึงเรื่องในอดีต เรารู้สึกว่า ปกติเราเป็นคนขี้เกียจ แต่เชื่อมะ ตอนนี้เราแทบไม่เหลือความทรงจำอะไรในวัยเด็กเลยล่ะ จำไม่ได้ว่าเพื่อนๆ หรือว่าบรรยากาศสมัยตอนเราเป็นเด็กประถม หรือว่าม.ต้นเป็นยังไงเลย แปลกมะ?
หรือว่า ยังไม่ทันไร ความจำเราก็เริ่มเสื่อมซะแล้วสิ

จริงๆ เหตุผลที่ย้อนกลับมาอ่านบทความแรกก็เพราะว่า เห็นอันอื่นๆมันเป็นตอนๆหมด กลัวว่า ถ้าไม่ได้อ่านตอนแรก จะประติดประต่อตอนหลังๆ ไม่ได้ พักนี้เราก็ยุ่งๆ (พรุ่งนี้สอบปลายภาคสถิติแล้วด้วย) ก็เลยไม่รู้จะได้มาอ่านต่อเมื่อไหร่ แต่ว่าอ่านอันแรกไว้ก่อนละกัน :)
ว่าแต่ จะว่าไป แต่ละตอนมันต่อกันรึป่าว?

เอาเรื่องที่เกียวกับบล๊อกนายหน่อยละกัน เดี๋ยวจะหาว่า เข้ามาแล้วก็โม้ น้ำท่วมทุ่ม แต่ว่าผักบุ้งโหลงเหลง (เขียนอย่างงี้ปะ?)
น่าอิจฉาไอ้ที่นาย "ชินกับการไปปาร์ตี้แล้วก็ต้อง ไปปั้นหน้าคุยเหมือนรู้จักกันมาสิบปี กับคนที่เรารู้จักเป็นครั้งแรก" ดีนะ มันเป็นวัฒนธรรมที่ต่างกับไอ้ที่เราอยู่อย่างเคยชินมานานแสนนาน แต่ว่ารู้สึกเหมือนว่าเรายังทำใจให้"เคยชิน"กับมันไม่ได้เลยแฮะ
หลายๆครั้ง ก็มักจะรู้สึกว่า เอ... เราจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

เค้าว่ากันว่า เหตุผลที่คนแก่ๆ ไม่ชอบอะไรใหม่ๆ ก็เพราะว่า รู้สึกดีกับสิ่งเก่าๆในชีวิตมามากพอ แล้วก็ไม่เห็นว่าสิ่งใหม่ๆ มันดีกว่าตรงไหน ก็เลยไม่เปิดใจกับสิ่งใหม่ๆอีกแล้ว
ถ้าเป็นอย่างงี้จริง ก็แปลว่าเราแก่แล้วหรอวะ? T.T ความจำก็เริ่มเสื่อมแล้ว แต่ว่ายังเรียนไม่จบเลย...
เง้อ...... เราทำไงดีว๊าาา

ส่วนเรื่องกำลังใจ เราขอเดาเอาเองเลย ว่าแกดูมันส์กับชีวิตกว่าเราเยอะแกได้กำลังใจจากคนทั่วไปซักเท่าไหร่ แกก็เอามาแบ่งปันเราบ้างละกันนะ หลายๆครั้งนี้ รู้สึกเหมือนอยากจะหยุดเวลา เดินออกจากโลกที่ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วก็ย้อนกลับไปหาวันเวลาดีๆ เก่าๆ จัง...
คนแบบนี้เค้าเีรียกว่าเป็นพวกจมอยู่กับความหลังป่าววะ
แกช่วยส่งเชือก หรือส่งใครก็ได้มาหย่อนเชือก ดึงเราขึ้นไปหน่อยดิ

=)
แล้วก็ขอบคุณมากมายที่ลากเรามาอ่านอะไรแบบนี้นะเว้ย รู้สึกไม่มีกระใจจะเขียน บอก ระบาย อะไรให้ใครมานานละ รู้นะว่าหลายๆครั้ง ถ้าเราได้เฟี้ยงอะไรออกไปจากสมอง จากใจ มันก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่หลายๆครั้ง มันก็แน่น จนไม่รู้จะเอาออกยังไงดีว่ะ ๕๕๕ ตลกดีเนอะ

แกโชคดีละกันนะเว้ย ตอนแรกเราก็อ่านชื่อบล๊อกแกไม่ออก อ่านเป็น "โลกะ กะลิบาน" บ้าบอไรก็ไม่รู้
มีความสุขมากๆละกัน ถึงแม้ว่าไกลบ้าน แต่ก็คงหาอะไรดีๆ ให้ชีวิตได้บ้างล่ะ
ทางนี้ก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน

โชคดีเว้ย

ปล ขอโทษนะ มันยาวไปหน่อย คิดซะว่าเราเขียนไรไร้สาระไว้ตรงนี้ละกัน ไม่ว่างก็ไว้่มีอารมณ์แล้วค่อยอ่านละกัน โทษทีฮะ

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล

[++K@pYm0d++] said...

พี่จอม
เพิ่งได้อ่าน
..
ครั้งแรก
ฮ่าๆ